Updated on: February 19, 2024
ฉันได้ทดลองมาหลายวิธีเพื่อรับที่อยู่ IP ของไทย แต่วิธีที่ง่ายและได้ผลมากที่สุดก็คือการใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
VPN จะปิดซ่อนที่อยู่ IP ในพื้นที่ของคุณ และแทนที่ด้วยที่อยู่ IP จากตำแหน่งอื่น ซึ่งทำให้คุณสามารถท่องโลกอินเทอร์เน็ต ดูรายการต่าง ๆ ในบริการสตรีม ดาวน์โหลดไฟล์ และเล่นวิดีโอเกมได้เสมือนกับว่าคุณอยู่ในตำแหน่งนั้นจริง ๆ (ในกรณีนี้เราพูดถึงประเทศไทย) ทั้งนี้ การใช้ VPN เป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่แพงด้วย
ฉันได้ทดลองใช้ VPN ชื่อดังทั้งหมด และฉันก็ได้รับที่อยู่ IP ของไทยจากตัวเลือก 3 อันดับแรกของฉันได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
3 ขั้นตอน (เร็ว + ง่าย) ในการรับที่อยู่ IP ของประเทศไทย 2024
- ขั้นที่ 1. หา VPN เลือกผู้ให้บริการ VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศไทยอย่างน้อย 1 เซิร์ฟเวอร์ (ฉันแนะนำ ExpressVPN)
- ขั้นที่ 2. ติดตั้ง VPN โดยปรกติขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณไม่กี่นาที หากคุณใช้อุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่อง โปรดตรวจดูจำนวนอุปกรณ์ที่ VPN ของคุณสามารถเชื่อมต่อได้ ExpressVPN ให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 5 เครื่อง
- ขั้นที่ 3. เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย เปิดแอป VPN ไปที่รายการเซิร์ฟเวอร์ และเลือกประเทศไทย เพียงเท่านี้เอง! ตอนนี้คุณก็มีที่อยู่ IP ของไทยเรียบร้อยแล้ว
รับที่อยู่ IP ของประเทศไทยด้วย VPN
VPN มีเซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัยตั้งอยู่ทั่วโลก เมื่อคุณเชื่อมต่อกับหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ ทุกการจราจรทางอินเทอร์เน็ตของคุณจะใช้เส้นทางผ่านอุโมงค์เข้ารหัสของ VPN อีกทั้ง VPN จะช่วยปิดซ่อนตำแหน่งจริงและซ่อนตัวตนทางออนไลน์ของคุณอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ในประเทศไทย คุณจะได้รับที่อยู่ IP ของไทย และเว็บไซต์ในประเทศไทยต่าง ๆ ที่คุณเข้าเยี่ยมชมนั้นจะเชื่อว่าคุณกำลังท่องเว็บจากประเทศไทยจริง ๆ
ในตลาดจะมี VPN ฟรีวางขาย แต่ฉันของแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณหลีกห่างจาก VPN ฟรีเหล่านั้น เพราะบริการเหล่านี้มักจะขาดคุณสมบัติสำคัญด้านความปลอดภัย ทางบริการอาจจะเก็บบันทึกข้อมูลการท่องอินเทอร์เน็ตของคุณ มีความเร็วการเชื่อมต่อที่แย่ มีดาต้าให้ใช้อย่างจำกัด และอาจจะไม่มีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยด้วย
แต่กับพรีเมี่ยมแบรนด์อย่าง ExpressVPN จะให้คุณสามารถรับที่อยู่ IP ที่รัดกุมได้ในเวลาเพียงน้อยนิด
จะหา VPN ที่ดีที่สุดได้อย่างไร
ผู้ให้บริการ VPN ทุกเจ้าที่มีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยจะให้ที่อยู่ IP ของไทยแก่คุณ แต่ผู้ให้บริการบางเจ้ามีประสิทธิภาพดีกว่าเจ้าอื่น ๆ หัวข้อด้านล่างนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉันใช้ในการจัดอันดับ VPN ที่ดีที่สุดเพื่อการรับที่อยู่ IP ในไทย:
- เซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย VPN ของคุณจะต้องมีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยอย่างน้อย 1 ตำแหน่ง ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่สามารถรับที่อยู่ IP ของไทยได้
- ความเร็วการเชื่อมต่อสูง จะทำให้อินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงด้วยชั้นการเข้ารหัสที่เพิ่มขึ้นมา อย่างไรก็ตาม VPN ชั้นหนึ่งมักออกแบบเซิร์ฟเวอร์มาเพื่อรักษาความเร็วเอาไว้ ในรายการจัดอันดับ VPN นี้จะประกอบด้วยบริการ VPN ที่มีอัตราความเร็วการเรียกดู สตรีมมิ่ง การโหลด torrent และการเล่นเกมที่สูง
- การเข้ารหัส จะสลับกลับที่ข้อมูลของคุณผ่านการเข้ารหัส ทำให้บุคคลที่สามไม่สามารถอ่านของมูลเหล่านั้นได้ ฉันจะแนะนำเฉพาะ VPN ที่ปกป้องข้อมูลของคุณด้วยการเข้ารหัสแกบบ 256-บิต AES เท่านั้น ซึ่งมันเป็นวิธีการเข้ารหัสที่รัฐบาลและธนาคารนำมาใช้งาน
- ไม่มีนโยบายการเก็บข้อมูล VPN ที่ดีจะไม่เก็บหรือแชร์ข้อมูลของคุณออนไลน์ (ที่อยู่ IP ประวัติการเรียดู และไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด) บริการ VPN ทั้งหมดที่ฉันเลือกจะมีนโยบายไม่เก็บข้อมูลที่เคร่งครัด(ExpressVPN มีนโยบายไม่จัดเก็บข้อมูลแยกออกมาต่างหาก ซึ่งได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วอีกด้วย)
- ปุ่ม Kill switch คุณสมบัตินี้จะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณหากเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่คุณกำลังใช้งานอยู่ล่มไป ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยันจะช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลของคุณรั่วไหล
- ความง่ายดายในการใช้งาน ฉันจะแนะนำ VPN ที่มีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และมีหน้าจออินเตอร์เฟสที่อิงสัญชาติญาณเท่านั้น ซึ่งทำให้การหาคุณสมบัติต่าง ๆ และการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างง่ายดาย
- ฝ่ายบริการลูกค้า VPN ควรมีช่องทางการเข้าถึงฝ่ายบริการลูกค้าที่หลากหลาย ทุก ๆ VPN ที่อยู่ในรายการจัดอันดับนี้จะมีฝ่ายช่วยเหลือและฝ่ายวินิจฉัยปัญหาที่ให้บริการทางการสนทนาสดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และทางอีเมล
- ราคา ฉันจะแนะนำเฉพาะ VPN ที่มีแผนการสมัครสมาชิกที่มากกว่าหนึ่งแผน ยอมรับการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ (รวมไปถึง คริปโตเคอร์เรนซีด้วย) และมีการรับกระกันคืนเงินภายใน 30 วัน
VPN ที่ดีที่สุด 5 เจ้าในการรับที่อยู่ IP ของไทย
1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดในการรับที่อยู่ IP ของไทย
ExpressVPN มีหน้าจออินเตอร์เฟสที่รองรับภาษาไทยมีเซิร์ฟเวอร์กว่า3,000แห่ง (ในประเทศไทยอย่างน้อย1แห่ง) มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม และเป็นหนึ่งใน VPNที่รวดเร็วที่สุดที่มีในตลาดในการทดสอบของฉัน ฉันเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ของประเทศไทย และได้รับที่อยู่ IP ของไทยอย่างทันทีทุกครั้ง อีกทั้ง ฉันชอบมากจริง ๆ ที่การเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ของไทยแบบทำเองนั้นสามารถทำได้ง่ายเมื่อใช้ ExpressVPN แค่เพียงต้องเลื่อนรายการประเทศลงมา หรือเพียงพิมพ์ชื่อประเทศไทยลงในแถบค้นหาเซิร์ฟเวอร์ก็ได้
เซิร์ฟเวอร์ ExpressVPN ในประเทศไทยเป็นเซิร์ฟเวอร์เสมือน ซึ่งหมายความว่ามันจะให้ที่อยู่ IP แก่คุณแต่เซิร์ฟเวอร์จริง ๆ นั้นจะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ (เซิร์ฟเวอร์เสมือนมีความปลอดภัยและรัดกุมพอ ๆ กันกับเซิร์ฟเวอร์จริง)
หนึ่งในสิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดเกี่ยวกับ ExpressVPN คือ โปรโตคอล Lightway ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรโตคอลที่รวดเร็วมากที่สุดที่มี โดยโปรโตคอลนี้ทำให้ฉันสามารถดูกรายการ TV และภาพยนตร์ทาง Netflix ประจำประเทศไทยได้ในคุณภาพระดับ HD โดยไม่ติดบัฟเฟอร์ หรือล่าช้าเลย และยังสามารถดูช่องโทรทัศน์ท้องถิ่นประจำประเทศไทย เช่น ช่อง 7 MCOT ช่อง One 31 และอื่น ๆ อีกมากมายด้วย นอกจากนี้ ExpressVPN ยังปลดล็อก Amazon Prime BBC Disney+ และบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ และอนุญาตให้มีการจราจรแบบ P2P ในทุกเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
และนอกเหนือจากคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัย VPN ที่เป็นมาตรฐานสากลอย่าง การเข้ารหัสแบบ 256-บิต AES คุณสมบัติ kill switch และนโยบายไม่บันทึกข้อมูลที่เคร่งครัดแล้วนั้น ExpressVPN ยังมี:
- เทคโนโลยี TrustedServer— เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ทุกแห่งจะทำงานในหน่วยความจำ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการเก็บข้อมูลไว้ในฮาร์ดไดร์ฟ และข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบออกไปในแต่ละครั้งที่มีการเปิดเซิร์ฟเวอร์ใหม่
- ขบวนการรักษาความปลอดภัยในอนาคตที่สมบูรณ์แบบ — เปลี่ยนคีย์เข้ารหัสหลังเสร็จสิ้นการใช้งานแต่ละครั้งเพื่อปกป้องข้อมูลของคุณ
- การป้องกัน DNS — ExpressVPN เข้ารหัสทุกคำขอ DNS ดังนั้นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ (ISP) หรือบุคคลที่สามจึงไม่สามารถมองเห็นคำขอเหล่านั้นได้
เมื่อพูดถึงฝ่ายสนับสนุนลูกค้า ExpressVPN ถือว่าทำคะแนนได้สูงลิ่ว ทางบริการมีตัวแทนสนทนาที่เต็มไปด้วยความรู้คอยให้บริการคุณตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน มีบริการตอบกลับทางอีเมลที่เพียบพร้อมไปด้วยข้อมูล และแนวทางการวินิจฉัยปัญหาจำนวนมาก มีให้คุณแม้แต่วิดีโอสอนวิธีการต่าง ๆ
ExpressVPN มีแผนสมาชิกแบบ 1, 6 และ 12 เดือนตามลำดับ รับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต Paypal Bitcoin และรูปแบบการชำระเงินอื่น ๆ เช่น UnionPay และ WebMoney พร้อมให้รองรับทุกการซื้อด้วยการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ ExpressVPN ได้ที่นี่
2. CyberGhost VPN — VPN ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่
CyberGhost VPN มีเซิร์ฟเวอร์เสมือ 14 แห่งในประเทศไทย มีคุณสมบัติการรักษาความปลอดภัยชั้นหนึ่ง และหน้าจออินเตอร์เฟสที่อิงสัญชาติญาณที่พาให้มันเป็นบริการที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้งาน VPN มาก่อน ฉันสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในไทยได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาที และก็ได้รับที่อยู่ IP ของไทยทุกครั้งที่เชื่อมต่อโดยที่ไม่พบกับปัญหาอะไรเลย
แม้ว่า CyberGhost VPN จะมีเพียงแต่เซิร์ฟเวอร์เสมอสำหรับประเทศไทย แต่ทุกเซิร์ฟเวอร์ก็ส่งมอบความเร็วสุด ๆ ให้คุณได้ เพียงแต่มันไม่เร็วเท่า ExpressVPN เท่านั้นเอง แต่ฉันก็สามารถสตรีมวิดีโอในคุณภาพขนาด HD ได้ ฉันสามารถดาวน์โหลดไฟล์ P2P ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และฉันไม่พบกับความล่าช้าใด ๆ ขณะที่กำลังเล่นวิดีโอเกม
แอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ของ CyberGhost VPN ได้ปรับประสิทธิภาพสูงสุดให้แก่เซิร์ฟเวอร์ในบางประเทศที่มุ่งไปในเรื่องของการสตรีมมิ่ง โหลด torrent และการเล่นเกม (แต่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย) และ CyberGhost สามารถปลดบล็อก Netflix และ Disney+ ได้อย่างสม่ำเสมอในการทดลองของฉัน
เช่นเดียวกันกับ ExpressVPN ทาง CyberGhost มาพร้อมการเข้ารหัสแบบ 256-บิต AES ระบบ kill switch และนโยบายไม่บันทึกข้อมูล แม้ว่า CyberGhost VPN จะยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบนโยบายไม่บันทึกข้อมูล แต่ทางค่ายจะแสดงรายงานความโปร่งใสในทุก ๆ 3 เดือน ซึ่งพิสูจน์ว่าบริการนี้จะไม่ส่งต่อข้อมูลการใช้งานของลูกค้าให้แก่ผู้มีอำนาจทางกฎหมาย
CyberGhost VPN ให้คุณสามารถเชื่อมต่อบริการเข้ากับอุปกรณ์ 7 เครื่องในเวลาเดียวกัน พร้อมมีแอปสำหรับ Android, iOS, Windows, macOS, สมาร์ท TV, และแม้แต่คอนโซลเกมบางชนิดด้วยเช่นกัน
CyberGhost VPN มีแผนการชำระเงินที่ยืดหยุ่นถึง 3 ช่องทาง รับบัตรเครดิต Paypal Google Play และ Bitcoin อีกทั้ง หากคุณเลือกใช้บริการแบบรายปี คุณยังได้การรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันด้วย (และรับประกันคืนเงินภายใน 14 วันสำหรับแผนบริการแบบ 1 เดือน)
อ่านรีวิวตัวเต็มของ CyberGhost VPN ได้ที่นี่
3. PrivateVPN — VPN ดีเยี่ยมเพื่อการสตรีมมิ่ง
PrivateVPN มีเซิร์ฟเวอร์ 1 ตำแหน่งในประเทศไทย แต่มันให้ความเร็วสูงสุด ๆ ตอนที่ฉันลองเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของ PrivateVPN ในประเทศไทยนั้น เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ฉันเข้าเยี่ยมชมสามารถโหลดได้โดยไม่เจอกับความล่าช้าใด ๆ เลย ฉันได้ดูวิดีโอคุณภาพ HD และไม่มีปัญหาในการดาวน์โหลดไฟล์แต่อย่างใด
PrivateVPN ทำงานดีเยี่ยมสำหรับการสตรีมเนื้อหา โดยมันสามารถปลดล็อก Netflix, Amazon Prime, Disney+ และบริการสตรีมเจ้าอื่น ๆ อีกมากมายได้ PrivateVPN สามารถเข้าถึงคลังเนื้อหาสากลของ Netflix ได้ในกว่า 20 ประเทศ (น่าเสียดายที่ไม่มีในประเทศไทย) และรายการโทรทัศน์แห่งประเทศไทยด้วย เช่น ช่อง 7 และ MCOT PrivateVPN รองรับการโหลด torrent ในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของมันที่มีอยู่กว่า 150 เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งรวมถึงเซิร์ฟเวอร์แห่งประเทศไทยด้วย รองรับการ forward port (ซึ่งช่วยเพิ่มคามเร็ว) และทำงานร่วมกับไคลเอ็น torrent แถวหน้า
PrivateVPN มาพร้อมการเข้ารหัสแบบ 256-บิต AES ระบบ kill switch และนโยบายไม่บันทึกข้อมูล และฉันเองก็ชอบหน้าจออินเตอร์เฟสของ PrivateVPN เอามาก ๆ เพราะมันนำทางง่ายสุด ๆ และคุณก็สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้โดยคลิกเพียง 1 หรือ 2 ครั้งเอง และสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows และ Macs ทาง PrivateVPN จะมีโหมดมุมมองมาให้ 2 แบบ คือ มุมมองแบบง่าย และมุมมองขั้นสูง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปริมาณการควบคุมด้านการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าปริยายได้ (เช่น โปรโตคอล การเข้ารหัส และอื่น ๆ )
PrivateVPN ให้คุณสามารถเชื่อมต่อเข้าได้กับ 6 อุปกรณ์ และมีหน้าจออินเตอร์เฟสแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้สำหรับระบบปฏิบัติการ Android, iOS, Windows, macOS, Linux และเราเตอร์
PrivateVPN มีแผนบริการแบบมีค่าใช้จ่ายราคาไม่แพงแบบใช้งาน 1 เดือน 3 เดือน และ 24 เดือน รับบัตรเครดิต PayPal และ Bitcoin และรองรับแต่ละแผนบริการด้วยการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ PrivateVPN ได้ที่นี่
4. NordVPN — ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมน่าเชื่อถือ & ความเร็วที่ดีในทุกเซิร์ฟเวอร์
NordVPN นำเสนอฟีเจอร์ความปลอดภัยหลากหลายที่ช่วยรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต เช่น Threat Protection ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือบล็อกโฆษณา VPN ที่ดีที่สุดและยังกำจัดโฆษณาที่เป็นอันตราย บล็อกการเชื่อมต่อกับไซต์ที่ไม่น่าไว้ใจและปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากมัลแวร์ ยิ่งไปกว่านั้น Threat Protection ยังคงทำงานอยู่แม้ว่าคุณจะไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ซึ่งมันสะดวกมาก
นอกจากนี้ยังมี Dark Web Monitor ซึ่งจะสแกนดาร์กเว็บและแจ้งเตือนหากชื่อบัญชีที่เกี่ยวข้องกับ NordVPN ของคุณรั่วไหล ฉันดีใจมากที่ได้ตัวเลือกนี้ เนื่องจากเป็นหนึ่งใน VPN เดียวในตลาดที่มาพร้อมกับฟีเจอร์การตรวจสอบดาร์กเว็บ
ยิ่งไปกว่านั้น NordVPNยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมอื่นๆ เช่น เซิร์ฟเวอร์ VPN สองขั้น ซึ่งเพิ่มการชั้นเข้ารหัสอีกชั้นหนึ่งและยังมาพร้อมกับการพรางการเชื่อมต่ออีกด้วย นอกจากนี้ VPN ยังมีโปรโตคอลของตัวเองที่เรียกว่า NordLynx ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและความเร็วที่รวดเร็ว
NordVPNยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงอื่นๆอีกด้วย ซึ่งรวมถึงการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ เซิร์ฟเวอร์ RAM และ Perfect Forward Secrecy นโยบายการไม่บันทึกการใช้งานของบริการได้รับการตรวจสอบโดยบริการอิสระแล้วว่าเป็นจริงเมื่อหนึ่งในศูนย์ข้อมูลซึ่งเป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ได้ประสบกับปัญหาข้อมูลรั่วไหล แต่ไม่มีข้อมูลผู้ใช้รายใดถูกเผยแพร่ออกมาได้
บริการนี้ยังยอดเยี่ยมสำหรับการสตรีมและทอร์เรนต์อีกด้วย บริการสามารถเข้าถึงบริการสตรีมยอดนิยมมากมาย เช่น Netflix และ BBC iPlayer และมีเซิร์ฟเวอร์ P2P มากกว่า 4,500 เซิร์ฟเวอร์ เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้มีความเร็วที่ดีเหมาะสำหรับการสตรีม ทอร์เรนต์และกิจกรรมออนไลน์อื่น ๆ
ฉันยังคิดว่า NordVPNเป็น VPNสำหรับเล่นเกมที่ดีด้วยฟีเจอร์ Meshnet ซึ่งช่วยให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 60 เครื่องผ่านการเชื่อมต่อ VPN ที่เข้ารหัส สิ่งนี้ช่วยให้คุณโฮสต์ปาร์ตี้ LAN เสมือนได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ VPNยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย บริการมีมากกว่า 5,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 55 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) มาพร้อมฟีเจอร์ Split-tunneling และมีแอปที่ใช้งานได้ง่ายสำหรับแพลตฟอร์มหลักทั้งหมด
NordVPN มีแผนบริการราคาไม่แพงซึ่งเริ่มต้นที่ $3.09 / month แผนบริการทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ NordVPN ได้ที่นี่
5. Surfshark — VPN ที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ & มีราคาถูก
Surfshark ให้คุณสามารถเชื่อมต่อได้โดยไม่มีข้อจำกัด คุณสามารถเชื่อมต่อในกี่อุปกรณ์ก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มองหา VPN ที่ดี ฉันดีใจมากที่ได้เห็นตัวเลือกนี้ เพราะมีไม่กี่บริการที่ให้การเชื่อมต่อไม่จำกัดอุปกรณ์
บริการมาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ดีมาก รวมถึง CleanWeb ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือบล็อกโฆษณาบน VPN ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์พรางการเชื่อมต่อ การเชื่อมต่อ VPN สองชั้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และ IP Rotator ซึ่งช่วยเปลี่ยนหมายเลข IP ของคุณเป็นประจำเพื่อให้ผู้อื่นติดตามตำแหน่งของคุณได้ยากขึ้น ผู้ให้บริการยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง เช่น เซิร์ฟเวอร์เฉพาะ RAM และ Perfect Forward Secrecy อย่างไรก็ตามบริการไม่มีการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ (แต่ฉันไม่เคยพบการรั่วไหลในการทดสอบของฉันเลย)
บริการสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลัก ๆ อย่าง Netflix, HBO Max และ BBC iPlayer ได้ แต่ไม่สามารถเข้าถึง Disney+ ได้ นอกจากนี้ยังรองรับการดาวน์โหลด P2P ในทุกเซิร์ฟเวอร์
บริการมีมากกว่า 3,200เซิร์ฟเวอร์ในกว่า 90ประเทศ(รวมถึงประเทศไทยด้วย) ซึ่งทำให้สามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว พูดถึงเรื่องความเร็วแล้ว ความเร็วในเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่นั้นรวดเร็วมาก แต่ฉันพบกับการชะลอตัวอย่างมากในเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล
Surfshark เป็นหนึ่งใน VPNsที่มีราคาถูกที่สุดในตลาด มาพร้อมแผนบริการเริ่มต้นที่ $2.29 / month ดังนั้นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณมีงบจำกัด แผนบริการทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Surfshark ได้ที่นี่
